ดูซีรีย์ “รีวิวหนัง” รวมข่าวเกี่ยวกับ “รีวิวหนัง” เรื่องราวของ

ดูหนังพากย์ไทยเต็มเรื่อง

ดูซีรีย์ รีวิวหนัง “Mother’s Day” อีกหนึ่งม่าม้าจอมบู๊ฝ่าแหลกทวงคืนลูก ช่างเกิดเรื่องบังเอิญเสียจริงครับ ที่มีหนังชื่อคล้ายคลึงกัน โครงเรื่องในแนวเดียวกัน ถูกนำออกสตรีมไม่งไล่ๆกัน ตอนวันที่ 12 เดือนพฤษภาคม Netflix พึ่งปลดปล่อย The Mother หนังที่พา เจนนิเฟอร์ โลเปซ (Jennifer Lopez) กลับมาเล่นบทแอ็กชันคราวแรกในรอบยาวนานหลายปี แล้วในวันที่ 24 พ.ค. นี่เอง Netflix ก็ปลดปล่อย Mother’s day หนังแอ็กชันเชื้อชาติประเทศโปแลนด์ ที่มีชื่อเรื่องว่า Mother และก็รายละเอียดหนังที่เกือบจะเช่นกันเลย

Mother’s Day หรือ Dzien Matki เล่าของ นีท้องนา โนแวก ดูซีรีย์

นปพ.ของ Nato ที่ผ่านดำเนินการสำคัญมาแล้วทางหน่วยลงบัญชีว่าคุณเสียชีวิตไปแล้วอย่างเป็นทางการ แต่ว่าไม่มีการให้รายละเอียดในหัวข้อนี้ว่าทำไม แม้กระนั้นก็สำเร็จให้ มาร์ก ลูกชายของคุณจำเป็นต้องถูกส่งไปอยู่กับครอบครัวค้ำชูโดยที่มาร์กโตมาเป็นชายหนุ่มและไม่รู้สึกตัวตนของแม่ที่จริงจริง เวลาที่นีนาก็ยังรอติดตามมองการดำรงชีวิตของลูกชายอยู่ไกลๆวิกฤติของเรื่องเริ่มเมื่อ ข้อมูลลับของนีที่นาหลุดรอดออกไปจากหน่วยงาน ทำให้ศัตรูเก่าของนีที่นาตามไปลักพาตัวมาร์ก เพื่อปรารถนาปิดบัญชีโกรธแค้นกับนีที่นา ทำให้คุณจำเป็นต้องหวนกลับสังเวียนบู๊อีกทีเพื่อชิงตัวลูกชายคืน ดูหนังออนไลน์ 2022

ด้านรายละเอียดของหนังนั้น พูดได้ว่าเล่าแบบเป็นเส้นตรง ไม่มีลูกเล่นพลิกแพลงใดๆก็ตามนีท้องนาสืบจนถึงพบว่าคนไหนกันเป็นลักพาตัวมาร์กไปก็บุกตฝ่าไปถึงถิ่นด้วยตัวผู้เดียว ไล่ไปตั้งแต่บอสเล็ก ไปจนกระทั่งบอสใหญ่ ราวกับเกมเลยล่ะนะครับ ด้วยเส้นเรื่องอย่างนี้ก็เลยทำให้หนังให้โอกาสให้ใส่ฉากแอ็กชันได้ถี่ๆแล้วก็ราวกับเป็นสูตรสำเร็จข้อบัญญัติในหนังแอ็กชันสมัยข้างหลังไปแล้วว่า ถ้าเกิดจะทำหนังแอ็กชันแล้วต้องมี ‘ฉากทดลองเทค’ ซึ่งใน Mother’s day ก็มีนะครับ และจากนั้นก็นับว่าทำออกมาได้ดิบได้ดี กับฉากต่อสู้ในครัว ที่นีนาคนเดียวจึงควรจัดการกับคู่ปรับที่เป็นชายนับสิบคน หนังให้ร้ายแปลกใหม่ตรงที่นีท้องนาจะใช้ทุกสิ่งรอบกายเป็นอาวุธ ทำให้พวกเราได้มองเห็นคุณใช้หม้อ กระทะ แป้ง ถึงแม้ว่าจะแครอตเป็นอาวุธได้ หนังมีสโลว์โมชันเป็นระยะๆในระหว่างที่คุณจะคว้าแต่ละสิ่งอย่างมาเป็นอาวุธ กล้องถ่ายภาพก็จะซูมเข้าไปหาสิ่งนั้น และจากนั้นก็มองเห็นคุณคว้ามันมาจัดแจงคู่ปรปักษ์ ก็ถือว่าเป็นฉากที่ผ่านการออกแบบคิดแผนล่วงหน้ามาอย่างดีเยี่ยม

คณะทำงานดูเหมือนให้ความเอาใจใส่กับฉากแอ็กชันมากยิ่งกว่าบท ก็เลยเลือกที่จะอัดฉากแอ็กชันเข้าไปมากมายในเวลาสั้นๆเพียงแต่ชั่วโมงครึ่ง โดยที่ผู้ชมเกือบจะไม่เคยรู้ตัวตนของนีท้องนาเลย ตลอดเรื่องพวกเราได้รับรู้ที่มาของนีที่นาผ่านบทสำหรับพูดแค่นั้น แต่ว่าก็มิได้ทราบดีว่าคุณเก่งกล้ามาจากไหน แล้วเพราะเหตุไรถึงจำเป็นต้องปั้นเรื่องตายแล้วหลบตัว ยอมดำรงชีวิตห่างจากลูกชายเพียงผู้เดียวของตนเอง

เรื่องราวสุดจิตสุดใจแตกของโบ วาสเซอร์แมน (เล่นบทโดยวาคีน ฟีนิกส์) กับความข้องเกี่ยวสุดวายป่วงของเขากับแม่ ที่ทำให้ตัวเขานั้นจำต้องพบเจอกับโรคไม่สบายใจอยู่เสมอเวลา รวมทั้งเมื่อถึงเวลาที่เขาจะต้องกลับไปอยู่บ้านไปพบแม่ ความรู้สึกกลุ้มใจนั้นก็ถั่งโถมเข้ามาไม่หยุด และก็จะต้องประจันหน้ากับเรื่องราวมากไม่น้อยเลยทีเดียวในระหว่างการเดินทางคราวนี้

จำต้องขอบอกเลยว่าเป็นหนังเขย่าขวัญแปลกใหม่มากมายๆสำหรับ “โบอย่าไปกลัว” ที่เพียงแค่เริ่มเรื่องมาก็ขาดลอยสุดๆกับการใช้เสียงประกอบที่หากแม้มีเพียงแค่ภาพมืดๆก็ทำให้รู้สึกเกิดความอึดอัดตามไปด้วยได้ ในแต่ละตอนมีมุกตลกโปกฮาร้ายให้พวกเราได้ขำอยู่เสมอ แล้วก็พร้อมจะช็อตฟีลพวกเรา ให้พวกเราอุทานอิหยังวะได้เกือบจะตั้งแต่ต้นจนถึงจบ

ส่วนตัวสำหรับเรามีความคิดว่าผลงานของอารี แอสเตอร์ ผู้กำกับจากเรื่อง Hereditary แล้วก็ Midsommar

เป็นหนังที่เชื้อเชิญให้พวกเราได้ใช้สมองพินิจพิจารณาแล้วก็พิจารณาถึงความหมายที่ผู้กำกับต้องการจะสื่อ อาจจะทำให้พวกเราไม่เก็ทมุกบางมุกที่ตั้งหัวใจใส่มาเนื่องจากมัวแต่จะคิด แม้กระนั้นถึงถ้าอย่างงั้นก็จำเป็นต้องขอบอกเลยว่าสำหรับแฟนหนังของอารี แอสเตอร์นั้น พลาดมิได้จริงๆเนื่องจากว่าBeau Is Afriad สนุกสนานแบบแปลกทั้งคู่หัวข้อนี้มากมายจริงๆและก็พวกเราคาดการณ์อะไรมิได้เลยสำหรับหัวข้อนี้ แผนภูมิอารมณ์เหวี่ยงได้สุดขีดมากมายๆ

ในหนังประเด็นนี้ ปราศจากความสยดสยองเชิญแหวะอะไร มีแต่ว่าความอึดอัด

เขย่าขวัญกับความวิตกจริตของโบ ที่แม้ว่าจะเป็นหนังนานถึง 3 ชั่วโมงก็มิได้เชิญให้รู้สึกง่วงนอนแม้แต่น้อย เพราะว่าวิธีการเล่าราวของตัวหนัง การใช้ซาวด์เอฟเฟคประกอบต่างๆสามารถดึงพวกเรากลับมาทำให้พวกเรามีอารมณ์ร่วมกับหนังได้ตลอดระยะเวลา ทำให้พวกเราเองรู้สึกสนุกสนาน เอนหน้าจอยตลอดทั้งเรื่อง ขำกับมุกตลกโปกฮาร้ายๆรวมทั้งความอิหยังวะของมันได้ทั้งยังเรื่อง ตัวหนังเองก็มีจุดหักมุมออกจะมากทีเดียว ในหัวข้อนี้การแสดงของผู้แสดงมากเรื่องสามารถของ วาคีน ฟีนิกส์ นั้นถ่ายทอดความสติแตกของโบออกมาได้แบบยอดเยี่ยมจริงๆเข้าถึงสุดๆได้ทุกอารมณ์

“Beau Is Afriad” ส่วนตัวรู้สึกว่าเป็นหนังที่บอกเล่าเรื่องราวของความหวาดกลัวสำหรับการดำรงชีวิต ที่แอบแฝงไปด้วยปรัชญาการใช้ชีวิต ความรัก ความข้องเกี่ยวครอบครัว ความรักของแม่-ลูก มีปริศนามากไม่น้อยเลยทีเดียวที่เกิดขึ้นมาในหัวทั้งยังตอนมองอยู่แล้วก็ภายหลังดูหนังจบ ที่ไม่ใช่แค่คำว่าอิหยังวะแน่ๆ

สำหรับผู้ใดกันที่พอใจหนังเสี่ยงภัยสไลต์ดิสนีย์ ที่เต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจและก็การสำรวจสิ่งอัศจรรย์แบบไม่มีพิษไม่มีภัย ก็คงจะเอ็นหน้าจอยไปกับ “Crater” หนังเผชิญภัยไซไฟเรื่องใหม่แบรนด์ดิสนีย์ ที่พร้อมจะพาผู้ชมออกไปตรวจสอบพระจันทร์ กับเหล่าเยาวชนผู้แทนของคน Gen Z แน่ๆว่าหนังยังอัดแน่นไปด้วยความสนุกสนานร่าเริงและก็การชับสมาคมที่มิตรภาพใสๆที่เคยชินกันดี

รีวิวหนัง Crater ดูซีรีย์

Crater เล่าราวของ เคเลบ เด็กวัยรุ่นที่เติบโตอยู่ที่อาณานิคมเหมืองบนพระจันทร์ แต่ว่าเมื่อบิดาของเขาจากไปในอุบัติเหตุ ทำให้เขาควรต้องถูกนำตัวส่งกลับไปยังดาวโอเมก้าตามหนทางปฏิบัติของเยาวชนที่ไม่มีซึ่งผู้ดูแลร่วมอยู่ด้วยในพื้นที่อาณานิคม เมื่อก่อนจะเดินทางกลับไปสู่มาตภูเขาไม่ เขากับเพื่อนพ้องๆชาวกลุ่มอีก 4 คนได้ตกลงใจกันเริ่มเดินทางตรวจสอบและก็ตามหาปล่องภูเขาไฟในตำนานที่บิดาเขาเคยเล่าให้ฟัง เปลี่ยนเป็นทางเสี่ยงภัยครั้งเต็มไปด้วยเรื่องที่พวกเขาไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนในชีวิต

นี่เป็นผลงานปัจจุบันของ “ไคล์ แพทริค อัลวาเรซ” จากซีรีส์ Homecoming แล้วก็ 13 Reasons Why เขาชอบคลุกคลีอยู่กับผลงานแนววัยรุ่นมาบ่อยครั้ง และก็ในหนังหัวข้อนี้ก็เช่นกัน Crater ยังคงเป็นหนังเยาวชนอีกเป็นต้นว่าเตย แล้วก็โน่นเป็นจุดเด่นที่ทำให้เขาสามารถถ่ายทอดมันได้อย่างไหลลื่นเหมาะเหม็งกำลังพอดี บนรากฐานของความใสสะอาดสะอาดของหนังดิสนียที่ชอบสร้างเพื่อฝูงคนมองครอบครัวโดยเฉพาะอย่างยิ่ง

หนัง The Covenant หรือชื่อไทยว่า เดอะ วัวเวแนนท์ ติดตามเรื่องราวของ นายสิบจอห์น คนที่จะต้องไปดำเนินงานคราวสุดท้ายที่อัฟกานิสถาน โดยเข้าจะร่วมงานกับล่ามเขตแดน อาเหม็ด คนที่เสี่ยงอันตรายนำเอาตัวของ จอห์น ที่เจ็บฝ่าพื้นที่การรบเพื่อไปสู่ที่ปลอดภัย

เกิดเรื่องที่น่าประหลาด ที่หนังของ Guy Ritchie เข้าพร้อมในอาทิตย์เดียวกัน และก็ทั้งคู่เรื่องก็กล่าวได้ว่าแทบต่างแนวกันอย่างสิ้นเชิง โดยอีกประเด็นที่รีวิวไปที่ผ่านมาอย่าง Operation Fortune ก็คือสไตล์ที่เจ้าตัวถนัด เน้นย้ำพล่ามบท มุกขำขันหน้าเฉย แอ็คชันบ้าง แบบครื้นเครงไม่ตั้งใจจริงนัก แม้กระนั้นในเวลาเดียวกันกับ The Covenant เป็นโคตรเอาจริงเอาจัง แบบที่ไม่เคยมองเห็นมันมาก่อนในหนังเรื่องไหนของ Guy Ritchie เป็นถ้าหากไม่อ่านหรือเขียนชัดแจ้งว่า Guy Ritchie เป็นมองไม่ทราบเลยว่าเป็นงานของเขา

The Covenant บอกเล่าเรื่องราวของนายสิบ John Kinley (Jake Gyllenhaal) ทหารที่ทำหน้าที่อยู่ที่อัฟกานิสถาน รวมทั้งล่ามชาวอัฟกันอย่าง Ahmed (Dar Salim) ที่ทั้งสองเคยต่อสู้หนีเอาชีวิตรอดจากพวกตาลีบัน รวมทั้งเป็นล่ามคนนี้แหละที่ทำให้ John รอดตายกลับไปพบครอบครัว ในช่วงเวลาที่ Ahmed จะต้องอยู่อย่างหลบๆหลบซ่อนๆโน่นทำให้ John ต้องหาทางไปพาหนี้สินชีวิตกลับออกมาโดยสวัสดิภาพอีกที

เอาจริงเอาจังๆแบบอย่างก็เกือบจะเล่าทั้งยังเรื่องของหนังหัวข้อนี้ แม้กระนั้นราวกับมันจะยกหัวข้อไม่ถูกไปสักนิด เป็นจากแบบอย่างหาเรื่องให้ผู้ชมรู้เรื่องว่าหนังยกภารกิจการเข้าไปช่วยเหลือ Ahmed ด้วยตัวผู้เดียวของ John แต่ว่าโดยความเป็นจริงแล้วโน่นเป็นช่วงๆผลสรุปที่รวบรัดและก็รวดเร็วทันใจที่สุดของเรื่องราว แม้กระนั้นสิ่งที่เด่นจริงๆเป็นเรื่องราวก่อนนั้น ตั้งแต่การที่ John ร่วมงานกับ Ahmed, การดิ้นรนฝ่าฟันเอาชีวิตรอดของทั้งสอง, การที่ Ahmed ช่วยเหลือ John ที่สติจาง ต่างหากที่เป็นส่วนที่สุดยอดและก็ชวนมองที่สุดของหนังประเด็นนี้ ดูหนังออนไลน์

หนังมีบทที่เรียบง่าย ไม่อ้อมค้อม แจ้งชัด โดยอิงมาจากเหตุุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงของทหารอเมริกันที่ประจำอยู่ในอัฟกานิสถาน ที่จำเป็นต้องว่าจ้างล่ามเขตแดนมาดำเนินการให้โดยมีข้อเสนอแนะแลกเปลี่ยนกับวีซ่า แต่ว่าโน่นทำให้ล่ามผู้คนจำนวนมากจะต้องตกระกำลำบาก จนกระทั่งบางบุคคลถึงกับจำต้องเสียทั้งยังครอบครัวรวมทั้งชีวิตตัวเอง หนังเอาข้อความสำคัญหัวข้อนี้มาเล่น และไม่หลุดใจความสำคัญไปไหน แม้จะมิได้ลึกซึ้ง หรือทำให้อินจนถึงร้องไห้ แต่ว่ากระบวนการเดินเรื่องรวมทั้งสารของเรื่องราวก็มากพอที่จะทำให้ผู้ชมใส่ใจ รับทราบถึงเหตุที่เกิดขึ้นจริง รวมทั้งยังทำให้พวกเราร่วมเอาใจช่วยนักแสดงผ่านผลกรรมในเรื่องอีกด้วย

อย่างที่ได้บอกไปว่าข้อเด่นสวยทั้งปวงของเรื่องราวมันอยู่ที่ตอนก่อนผลสรุป พวกเราจะได้มองเห็นบทสนทนาดีเลิศๆระหว่าง John กับ Ahmed ตอนร่วมงานกัน ได้มองเห็นแอ็คชันยาวๆที่มิได้มากมายไป น้อยไป แม้กระนั้นมากพอที่จะให้ตื่นเต้น เพลิดเพลินใจ แล้วก็เอาใจช่วย เสียง sfx เวลายิงกันทำเป็นดีเลย ได้มองเห็นการฝ่าผลกรรมของผู้แสดง ซึ่งทั้งผองนั้นจำต้องดูการแสดงมากมายๆอีกทั้งฝั่ง Jake Gyllenhaal ที่รับผิดชอบบทที่ตนเองได้รับดีเลิศๆบทอารมณ์ก็เอาอยู่ แอ็คชันอาการการเป็นทหารก็หรูไม่เย้าหยอก แม้กระนั้นที่เด่นจริงๆเป็นการแสดงของ Dar Salim อีกทั้งสีหน้าท่าทาง ท่าที การแสดง แอ็คชัน ดราม่า ทำเป็นหมด เอาอยู่ทุกซีน เอาจริงเอาจังๆส่วนตัวเป็นเด่นกว่า Gyllenhaal ด้วย ไม่มีที่ตำหนิมากมาย ด้วยเหตุผลนี้ ทำให้หนังขับไปด้านหน้าด้วยสองการแสดงของเขาจริงๆ